วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Dream...

หากเราฝันเรื่องหนึ่งซึ้งซึ้งได้
จะทอดกายในอ้อมกอดของยอดขวัญ
จะซาบซึ้งจุมพิศกันและกัน
ปล่อยคืนวันผ่านไปอย่างช้าช้า


                             ในสัมผัสที่อ่อนละมุน
                             ยังอบอุ่นในอ้อมกอดที่แกร่งกล้า
                             จะนิ่งนานเมื่อประสานสบสายตา
                              ท้าคมกล้าและหวั่นไหวในใจเรา


                                   คงแค่ฝันละเมอไปหลายหลายอย่าง
                                   ดูแตกต่างห่างจากจริงยิ่งใจเศร้า
                                   ปล่อยเถอะนะ ความฝันกับเรื่องราว
                                   กลับมาเป็นตัวของเราอย่างเก่าเอย.

ริมน้ำน่านที่พิษณุโลก

ในวันที่เรามาเยือนพิษณุโลก.....



ริมน้ำน่านวันร้อนตอนค่อนบ่าย
เราผ่อนคลายสายตากับฟ้าใส
ผะผ่าวแดดแผดผิวริ้วรอยไอ
สายน้ำไหลขอดเชี่ยวเกลียวขุ่นตม


                                  ผืนนากว้างน้ำตาลหม่นพ้นหน้าหนาว
                                  เขาเกี่ยวข้าวทุกท้องนาปล่อยหญ้าล้ม
                                  รอยเกรียมเผาทอดไกลไฟตามลม
                                  พาลไม้ใหญ่พลอยล้มลมร้อนลาม


                                             เพียงทองกวาวพราวแสดแผดแดดจ้า
                                             ดื่นดาษตาทิ้งใบให้คอยถาม
                                             แสดสีส่องกระไรใยดูงาม
                                             อยู่กลางท่ามความแล้งแห่งสายลม

ตะแบกพวงม่วงสดยืนทอดกิ่ง
ยังอ้อยอิ่งเฟื่องฟ้าแกมแซมผสม
เป็นภาพตัดความแล้งล้าที่น่าชม
เหมือนความขมมีหวานซ่อนอยู่ตอนปลาย


                                    ตะวันต่ำเริ่มค่ำลงตรงชายฝั่ง
                                    ท้องฟ้ายังส่องแดงเป็นแสงสาย
                                    ทินกรอ่อนเย็นเริ่มเร้นกาย
                                    วงกลมใหญ่ฉายฉากซากไพรพง


                                                 พิษณุโลกกับแม่น้าน่านวันนี้
                                                 ได้มาเยือนถึงที่มีป่าโปร่ง
                                                  ความร้อนแล้งแฝงเร้นให้เห็นคง
                                                  หากลำน้ำส่งท้ายคลายบรรเทา


ที่โค้งขอบค่ำลงคงดูเรียบ
ยังคงนั่งเงียบเงียบอนู่ที่เก่า
ยอดเจดีย์วัดใหญ่ทิ้งให้เงา
สลักเสลายอดหงส์คงแวววาว


                                   เก็บทัศนียภาพกับอารมณ์
                                   ความชื่นชมเรียงร้อยถ้อยดังกล่าว
                                   จะลาจากแล้วหนอช่อทองกวาว
                                   แล้งลมหนาวผิวผ่าวชาวสองแคว.



วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หอมกลิ่นดอกประดู่

ดอกประดู่ที่บานเมื่อวานนั้น
โรยกลีบอันบอบบางใต้ล่างต้น
แลละออเหลืองอร่ามงดงามจน
เรณูปนพรมหญ้าเหมือนทาทอง


                         หอมเอยหอมกลิ่นดอกประดู่
                         สิจึงรู้ว่าลมร้อนตอนมาต้อง
                         ผะผ่าวหน้าไล้ผิวนวลละออง
                         คือครรลองของวันวารผ่านฤดู




                                    ที่ริมธารน้ำใสไหลร่มรื่น
                                    กับความหอมสดชื่นของประดู่
                                    กับดวงตาชวนฝันของโฉมตรู
                                    เพียงชมดูยิ่งงามยามพินิจ




                                           เชิญสิมาสัมผัสธรรมชาติ
                                          ใสสะอาดวาดหวังดังลิขิต
                                           เพื่อจรรโลงคุณค่าแห่งชีวิต                 
                                           ให้สถิตทุกแวววันนิรันดร.

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความเปลี่ยนแปลง

อืม.... วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มไปหมด ดูสิ ฝนทำท่าจะตกในไม่ช้า ทุกอย่างตกอยู่ในความอึมครึมของหมู่เมฆ เหมือนจะถูกกลืนหายไปกลุ่มเมฆทมึน ซะอย่างนั้น...


ลมจะเริ่มแปรปรวนทวนกระแส
ฟ้าจะแลมืดหม่นกว่าหนก่อน
ทุกทุกแห่งเริ่มระแหงและแรงร้อน
นกจากคอนลับหายที่ปลายนา

                     เป็นลางบอกเหตุอาเภทพบ
                     อาจประสบทุกข์โศกที่มากกว่า
                     และทุกทุกคุณค่าของเวลา
                     อาจจะไม่มีค่า...ในอนาคต.


                               

ดึกแล้ว

ดึกแล้ว
ดอกแก้วหน้าบ้านส่งกลิ่นหอม
เล็บมือนางกรุ่นกลิ่นพวงพยอม
น้ำค้างล้อมรื้นเรี่ยลงเกลี่ยดิน


                                  คิดถึง...
                                  คนซึ่งอยู่ไกลใฝ่ถวิล
                                  เพียงส่งใจบอกให้เพื่อได้ยิน
                                  เป็นแพรพิณแด่คนไกล...ให้แก่เธอ..


ฝัน...

ฝันถึงบ้านอันอบอุ่น
ฝันถึงแขนเคยคุ้นหนุนแทนหมอน
ฝันถึงคืนวันอันอาทร
ยิ้มเสียก่อนแล้วจะนอนฝันดี

                      เพื่อจะตื่นขึ้นมารับวันใหม่
                      ดวงอาทิตย์จะสดใสในพรุ่งนี้
                      ส่องประกายโอบแขนรับคนดี
                      เพื่อให้มีกำลังใจไปนานนาน...

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ในวันที่เริ่มเปลี่ยนฤดูกาล

จริง ๆ แล้ว ยังไม่ถึงหน้าหนาว เลย แต่วันนี้นึกถึงหน้าหนาว ( ทั้ง ๆ ที่อากาศร้อนจะแย่ ) เลยแต่งกลอนนี้ขึ้นมา...

ลมแล้งตอนค่อนสายระบายพริ้ว
ใบไม้ปลิวละกิ่งทิ้งใต้ต้น
ลมบ้าหมูหอบใบให้หมุนวน
กลางฝุ่นปนกรอบแกรบละแดดแดง

                              อาจจะมีฝนสุดท้ายในคืนนี้
                              และอาจมีลมหนาวเข้ามาแฝง
                              รัตติกาลจักคลืบคลานผ่านม่านแดง
                              เป็นกำแพงเนิ่นสนิทยามนิทรา


                                 หยดน้ำค้างเหยาะหยาดลงหมาดพื้น
                                 เพื่อหยิบยื่นสำเนียงเสียงแปร่งปร่า
                                 เผาะเผาะพร่างน้ำค้างไม่สร่างซา
                                 ยินจนฟ้ารุ่งรางค่อยบางเบา


เราจะยิ้มต้อนรับกับอีกวัน
ซึ่งทอฝันผิดแผกแปลกจากเก่า
รับตะวันเริ่มสว่างกลางฟ้าเทา
และหยอกเย้ากับเงาของวันวาร


                          และทุกทุกพรุ่งนี้ที่ก้าวย่าง
                          เราจะวางใจรับกับภาพฝัน
                          และก้าวไปข้างหน้าพร้อมพร้อมกัน
                          เพื่อโลกอันพริ้งเพริศบรรเจิดเอย