วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ก้าวสู่น้ำหนาว บรรพที่หนึ่ง อุทยานศรีเทพ

ไป ... เราจะไปเที่ยวน้ำหนาวกัน  ใช่ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเราแวะที่อุทยานศรีเทพก่อน
















บนเส้นทางข้างหน้ายามฟ้าสาง
กับแถบทางส้มอ่อนซ้อนเมฆใส
อีกแนวนาเขียวละอ่อนฟ้อนแกว่งไกว
และลมไล้ก้ามปูอยู่ริมทาง

                            ดูแดดแดงแฝงมะพร้าวเมื่อคราวฝน
                            พระรับนิมนต์คนใส่บาตรเห็นอยู่บ้าง
                            ละอองหมอกลอยคล้ายไฟไหม้ฟาง
                            สองฟากฝั่งสวยงามตามเห็นจริง

                                          มาถึง ณ อุทยานประวัติศาสตร์
                                          มนุษยชาติย้อนรำลึกถึงบางสิ่ง
                                          "ศรีเทพ" หัวเมืองเก่าเล่าว่าจริง       
                                          ที่เคยยิ่งใหญ่ใกล้กับเพชรบูรณ์

กรมพระยาดำรงฯ ทรงค้นว่า
ลุ่มป่าสักน้ำนั้นเมืองหนึ่งสูญ
ระหว่างชัยบาดาลกับเพชรบูรณ์
หากมีมูลเพราะพบของโบราณ

                          จึงสัณนิษฐานสถานที่แห่งนี้
                          ว่าเป็น"ศรีเทพ" เมืองเฟื่องสถาน
                          นับสองพันกว่าปีที่เนานาน
                          มีหลักฐานร่องรอยของชุมชน

                                            จึงดำเนินผ่านคันคูดิน
                                             เห็นทั้งสิ้นเขตขัณฑ์ตามกล่าวกร่น
                                             เมืองชั้นนอกรายรอบเป็นขอบวน
                                             รูปกลมมนเส้นผ่ากลางประมาณไมล์

เหลี่ยมผืนผ้าต่อกับเมืองชั้นใน
เหลือกลับกลายแต่เสายืนต้นให้
มีเสมาตระหง่านอยู่ประปราย
กับลวดลายทับหลังกรอบประตู

                             จำหลักรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตี
                             กำหนดที่พุทธศตวรรษสิบเจ็ดได้
                             รูปแบบปาปวนนครวัดตอนปลาย
                             แสดงให้เห็นรุ่งเรืองกระเดื่องนาม

                                             ที่รายรอบขอบขัณฑ์นั้นโบสถ์ก่อ
                                             มีรูปหล่อศิลาแลงดูแกร่งกร่ำ
                                             จตุรัสรับมาจากศาสนาพราหมณ์
                                             ตามสถาปัตยกรรมงามเนื้อใน

ก้มลงกราบบังคมอาเศียรวาท
ณ เบื้องบาทบุษบงที่ทรงไว้
กับน้อมจิตจดจารสถานใน
รำลึกได้อลังการโบราณเนา

                              เหมือนย้อนรอยกลับมาหาอดีต
                              ดังชีวิตเกิดดับได้คล้ายสุขเศร้า
                              เมื่อผ่านสุขผ่านโศกแห่งโลกเรา
                              คือเศษเถ้าธุลีเหลือเผื่อให้ชม

                                            ตะวันเคลื่อนเลื่อนคล้อยตอนค่อนบ่าย
                                            เราเคลื่อนย้ายจากพินิจดังจิตสม
                                            กับปลาบปลื้มได้ถวายกายบังคม
                                            เต็มชื่นชมเมืองเก่าเราชื่นใจ


                   
                      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น