วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไก่ของน้า





"กุ๊ก ๆๆๆๆๆ" ฉันนั่งดูน้าเล็ก โปรยข้าวเปลือกให้แม่ไก่ ยามเย็นที่บ้านยาย

วันนี้ แม่พาพวกเรามาเยี่ยมยายที่บ้านเหนือ เพราะบ้านยายอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ ติดกับวัดเหนือ เป็นบ้านทรงไทยยกพื้นสูง หันหน้าบ้านไปทางแม่น้ำ ใต้ถุนบ้านเลี้ยงหมูแม่พันธุ์สองสามตัว และมีลูกเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกหลายตัว

น้าเล็ก เพิ่งเริ่มทำงานเป็นปีแรก ได้แม่ไก่มาจากไหนไม่ทราบ เขาทะนุถนอมเลี้ยงมันด้วยความรัก และเอาใจใส่ อีกทั้งยังมีลูกเจี๊ยบด้วยฝูงใหญ่ ฉันนั่งที่แคร่ใต้ถุนบ้าน มองดูลูกเจี๊ยบวิ่งตามแม่ไก่เป็นพรวน แย่งกันจิกข้าวเปลือกที่น้าเล็กกำลังโปรย แม่ไก่มันช่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ เสียนี่กระไร และดูมันมีความสุขกันเหลือเกินยามนี้

" วันนี้ ค้างคืนกันหรือเปล่า หนู" น้าเล็กถาม
" แม่บอกว่าค้างจ้ะ ' ฉันตอบ
" ดีละ คืนนี้ที่วัดมีงานด้วย ฉลองพัดยศน่ะ มีหน้ง ลิเก และสอยดาวด้วย เดี๋ยวไปเที่ยวนะ อ้อ และน้าเข็มเขาขายก๋วยเตี๋ยวที่วัดด้วยละ " น้าบอก

น้าเข็ม คือน้องสาวคนรองจากน้าเล็ก เรียนหนังสือแค่ชั้นประถมสี่ แล้วลาออกมาช่วยยายดูแลงานบ้าน
และมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ใกล้วัด เมื่อมีงานวัดคราใด น้าเข็ม จะปักหลักขายก๋วยเตี๋ยว ที่หน้าศาลาการเปรียญ ทุกคราวไป ฉันขออนุญาตแม่ ไปช่วยน้าเข็มขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนแม่ จะอยู่คุยกับยาย และน้องคนอื่น ๆ

ค่ำแล้ว บริเวณลานวัดสว่างไสว ด้วยแสงไฟนีออน และตรงโรงลิเก ประดับด้วยไฟสีเขียวแดง เพิ่มสีสัน ทำให้ฉากโรงลิเกดูสวยและเด่น มองเห็นแต่ไกล ถัดมา เป็นจอหนัง ที่ตั้งเรียบร้อยแล้ว มีสองจอ อยู่ไม่ห่างกันมากนัก เสียงเพลงลูกทุ่งจากเครื่องเสียง ดังกระหึ่มไปทั่ว ที่ขายสอยดาว ก็ตกแต่งดาวประดับต้นไม้ สีเงิน สีทองวาววับ

ฉันวิ่งไปดูดาวที่เขาประดับไว้ และดูของขวัญที่ทางวัดมีไว้แลกเบอร์ที่คนสอยได้ ประหลาดดีจัง จะทำบุญ ก็ต้องมีของล่อใจด้วย ฉันคิด ฉันวิ่งตึก ๆ กลับมาที่รถเข็นของน้าสาว ซึ่งกำลังวุ่นวายเกี่ยวกับการจัดร้าน และจัดการ กับเส้นก๋วยเตี๋ยว และเส้นหมี่ ผู้คนเริ่มทะยอยเข้ามาในงาน บัดเดี๋ยวใจ ทั้งที่หน้าจอหนัง และโรงลิเก ถูกจับจองกับเกือบเต็ม

น้ำในหม้อก๋วยเตี๋ยวเดือดแล้ว น้าเข็มพร้อมที่จะขาย ลูกค้ามาออกันเต็มร้าน ฉันช่วยล้างจาน น้าเล็กช่วยอีกแรง ฉันรู้สึกสนุกสนานกับการช่วยขาย ยิ่งค่ำ ยิ่งขายดี ผู้คนเริ่มหิว หาอาหารใส่ท้อง ร้านอาหารมีอยู่ไม่กี่ร้าน โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยว มีร้านน้าเข็มเจ้าเดียวเท่านั้น สองทุ่มกว่า ทั้งหมู ทั้งไก่ และลูกชิ้น ใกล้จะหมดอยู่รอมร่อ น้าเข็มคาดการณ์ผิดไป เส้นก๋วยเตี๋ยวยังมีอยู่มาก

น้าเข็มถาม " ทำอย่างไรดีล่ะ เล็ก เนื้อเกือบหมด ของอื่น ๆ ยังอยู่ ถ้าไม่ขายต่อ เสียรายได้แย่"
" เอางี้ ฉันจะไปหาซื้อหมูที่ตลาด เดี๋ยวมา" น้าเล็กบอก
แล้วก็หายไปพักใหญ่ น้าเล็กกลับมามือเปล่า ส่ายหน้า บอกว่า " ไม่มีเลย เข็มเอ๊ย" น้าสาวหน้าม่อยโอกาสที่จะขายดีเช่นนี้มีไม่บ่อยนัก ปรกติขายอาหารเด็กนักเรียนตอนกลางวัน ก็แทบจะไม่มีกำไรเหลืออยู่แล้ว โอกาสเดียว คืองานวัด ซึ่งนาน ๆที ทางวัดจะจัดงาน ปี ๆ หนึ่ง นับได้ สองถึงสามครั้ง เท่านั้น

สามทุ่มแล้ว ผู้คนยังหลั่งไหลกันมาไม่ขาด ก๋วยเตี๋ยวใส่หมูชามสุดท้าย ถูกนำไปเสริพ ฉันไม่เห็นน้าเล็กสักครึ่งชั่วโมงแล้ว
" เลิกดีรึเรา หนู" น้าเข็มรำพึงกับตัวเอง เป็นเชิงถามฉัน
" ตามใจเถอะจ้ะ " ฉันตอบแบบเหนื่อย และหิว แต่พอหันไป เห็นน้าเล็กเดินมาแต่ไกล ในมือหิ้วไก่ตัวโตเข้ามาด้วย
น้าเล็กส่งให้น้าเข็ม บอกว่าเอาไก่มาให้ จะได้ขายต่อ
" เอ็งไปเอาไก่มาจากไหนวะ เล็ก " น้าสาวถาม
" เหอะ รับไป โน่น ลูกค้าคอยแล้ว "
น้าสาวรับไก่มา ไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียง อาหารถูกลำเลียงไปยังลูกค้า น้าเล็กหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ เวลาจวนสี่ทุ่ม

ผู้คนเบาบางลง ร้านของเราว่างคน ฉันบอกน้าสาวให้ทำก๋วยเตี๋ยวมาให้ ไม่นานก๋วยเตี๋ยวน้ำไก่ มาวางตรงหน้า ฉันรู้สึกถึง ความหอมกรุ่นของน้ำซุป และค่อย ๆ ละเลียดน้ำเข้าปากไป
น้าเล็กกลับมาอีกที น้าเข็มถามย้ำ " ข้าถามจริงๆ เถอะเล็ก ไก่นั่น.....มัน"
ฉันหันกลับไป น้ำตาน้าเล็กไหลพราก ฉันเพิ่งเห็นผู้ชายร้องไห้เป็นครั้งแรก
" นังอ้วนของข้าเองแหละ นังเข็ม"
" เอ็งทำอย่างนั้นทำไมวะ เล็ก ข้าขายขาดทุนก็ไม่เป็นไร แต่นี่เอ็ง...." น้าเข็มพูดแค่นั้นก็ทรุดตัวลงนั่งน้ำตาคลอเบ้า
"ข้าคิดอยู่นาน ข้าเรียกนังอ้วนออกมาจากกรง ข้าเชือดคอมัน แล้วทำมาให้เอง ข้าร้องไห้ และขออโหสิต่อมัน ข้ายอมให้เอ็งขาดทุนไม่ได้ บ้านเราคนเยอะ ต้องกินต้องใช้ เอ็งไม่ต้องห่วงใจข้าหรอก เข็มเอ๋ย"
น้าเล็กพูดเท่านั้น ฉันเห็นเขาสะอื้น จนหน้าอกกระเพื่อม เขาหันหลังจากไป น้าเข็มกัดฟันกรอด ฉันตักน้ำแกง ในชามค้าง รู้สึกมีอะไรมาจุกที่คอหอย และน้ำตามาเอ่อล้นที่เบ้าตา จนมองไม่เห็นก๋วยเตี๋ยวในชาม เห็นชัดแต่เนื่อไก่นิ่ม ๆ ขาว ๆ ลอยฟ่องเต็มชาม

"โธ่ นังอ้วนเอ๋ย ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเย็นนี้ เอ็งยังวิ่งเล่นกับลูก ๆ อย่างมีความสุขอยู่เลย ใครอยากจะฆ่าเอ็ง ถ้าไม่จำเป็น" ฉันรู้สึกถีงหัวอกของน้าเล็กยามนี้ดี ว่าเขาช้ำใจเพียงใด
ก๊อก ๆๆ " มานี่นะ นังอ้วน มาหาพ่อหน่อย " น้าเล็กเรียกนังอ้วนเบา ๆ แม่ไก่ตัวอ้วนขยับปีกอย่างดีใจ โดดเข้าหาน้าเล็กอย่งประจบ ใต้ถุนบ้านมืดมาก อาศัยแสงไฟจากงานวัด ส่องให้เห็นขนของนังอ้วนดำเป็นประกาย เขากรีดใบมีดฉับเข้าที่ต้นคอ นังอ้วนร้องดังคร่อก แล้วเงียบเสียงลง เขาสะอื้น และร้องไห้ในความมืด
"อโหสิให้ข้าเถอะนะนังอ้วน" เขาถอนขนอย่างรวดเร็ว แล้วตักน้ำในโอ่ง ล้างให้สะอาด เลือดไก่ และน้ำตา ดูจะนองไปทั่วบริเวณ..........

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สวัสดี

วันนี้ก็เป็นวันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง ซึ่งไม่มีอะไรแปลกไปจากทุกวัน ดูๆ ไปแล้ว ก็อาจจะแย่กว่าวันก่อน ๆ ก็เป็นได้ เพราะ ฝนที่เคยคิดว่า ใกล้ลมหนาวมาแล้ว คงไม่ตก ก็กระหน่ำตกอยู่อย่างนั้น แทบทุกวัน เราแหงนดูท้องฟ้ายามใกล้ค่ำ เต็มไปด้วยเมฆฝนทมึน ไปทั่วบริเวณ ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ ๆ น้ำฝน ผสมกับน้ำป่า และ น้ำทะเล
ที่หนุนสูง ก็ดูเหมือนจะทำให้วันนี้ แย่กว่าวันก่อน จริง ๆ ... อืม... อย่างไรซะ เราก็ยังคงจะพูดว่า สวัสดี รับวันใหม่
กับใคร ๆ ที่เรารู้จัก อยู่ดี และ ไม่มีทางที่จะเปลี่ยน เป็น สวัสไม่ดี ไปได้หรอก อิอิ