วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แม่ค้าแถวบ้าน

เสียงฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืน จบเกือบเช้า ปลุกให้ฉันตื่น อากาศข้างนอกขมุกขมัว และหนาวเย็น
อืม... กี่โมงแล้วนะ ตีห้า    ยังเช้าอยู่เลย

            ฟ้ากำลังรอสว่างกลางความดึก
            บอกรู้สึกว่ารอยเท้าก้าวไกลบ้าน
            เป็นอย่างนี้นิรันดร์ในสันดาน
            แต่สะท้านอยู่ในหัวใจเรา

บทกวีที่อ่อนหวานปนเศร้า ของกวีผู้มีชื่อเสียง ใครกันนะ ฉันจำไม่ได้แล้ว ลอยเข้ามาในโสตประสาท เป็นอย่างนี้ทุกครั้งในยามเช้า ฉันมักคิดคำนึงถึงบทกลอนบทนี้เสมอ

เสียงกึงกังของรถเข็นผ่านหน้าบ้าน ปลุกสำนึกให้กลับมา เสียงรถบรรทุกแว่วมาแต่ไกล ยามที่เรายังนอนอย่างบรมสุขอยู่ในที่นอนนุ่ม ๆ แต่ใครหลาย ๆ คน เริ่มออกทำมาหากินแล้ว

ตรงถนนกลางหมู่บ้าน เป็นจุดรวมของแม่ค้าพ่อค้าทั้งหลาย ที่เริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เริ่มที่ซอยแรก
พี่น้องขายอาหารตักถุง เริ่มทยอยอาหารคาวจัดเรียงเต็มโต๊ะ หม้อต่อหม้อ ทั้งแกงจืด แกงเผ็ด ผัดเผ็ด
ปลาทอด สารพัด ดูน่าทาน ถัดมาพ่อค้าปลาทะเล มาไกลจากนครปฐม และรับปลาสด ๆ จากสมุทรสงคราม ปลาสด ๆ ไม่ชุบสารเคมี รับประกันความสด และราคายุติธรรม พวกลูกค้าเรียกว่า เจ้านครปฐม และยังมีผลไม้มาขายแถมพกด้วย

ตรงกันข้ามเป็นเจ้ากล้วยหักมุกปิ้ง ตั้งติดกับผักสด ซึ่งแม่ค้าสรรหาผักแปลก ๆ มาขายตลอดปี เช่นคะน้า
ฮ่องกง พริกหยวกเหลืองเอย เห็ดแปลก ๆ ผักปลอดสารพิษ ราคาค่อนข้างแพง แต่ของดี เรียกกันว่า แม่ค้าหัวสูง

ถัดลงมาอีก เป็นร้านขายหมูสด พวกเราเรียกกันว่า ร้านขายหมูปริญญา คนขาย ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ก็เริ่มอาชีพขายหมูเลย ร่ำรวยมาจนทุกวันนี้ ติดกันเป็น เจ้าน้ำเต้าหู้ ซึ่งตั้งติดกับเจ้าปาท่องโก๋ แสนอร่อย และถัดมาก็เป็น ร้านหนังสืออาหมวย

เรื่อยลงมาตรงปากซอยอีกซอยหนึ่ง เป็นร้านขายน้ำเต้าหู้อีกร้าน ที่หน้าร้านจะขายล็อตเตอรี และเต้าหู้ก้อนเพลาเดียวกัน พอวันอังคารกับวันศุกร์ ก็จะมีเมนูขนมจีนน้ำยาใต้มาขายเพิ่มด้วย ถัดเข้าไปนิด เป็นร้านโจ๊กแสนอร่อย ผู้คนรุมร้านแน่นขนัดทุกวัน เรียกว่าหากระ ก็คนละครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้

ร้านขายไข่ไก่พี่สาวยายหมวยขายหนังสือพิมพ์ อยู่หน้าซอยถัดมา อาซิ้มขายกาแฟรถเข็น อยู่ตรงข้าม ร้านขายหมูตาหน้าจืดอยู่ใกล้ ๆ กับร้านเป็ดพะโล้ ร้านลุงป้าเจ้าของสวนเดิม ก้เอาของในสวนที่แกไม่ได้ตัดที่สวนขาย ซึ่งมีผลิตผลหลายอย่าง เช่นตำลึง มะเขือ กล้วย ผักจิมน้ำพริกต่าง ๆ บางวันก็มีโสนด้วย ลุงป้าแสนขยัน ได้ค่าเช่าที่เดือนละสี่หมื่น ลูกทำงานธนาคารแถวบ้าน มีที่เหลือเป็นสิบไร่ ยังขยันเก็บของในสวนมาขาย ไม่อยู่นิ่ง นับเป็นตัวอย่างที่ดี

ฝั่งนี้เป็นแม่ค้าหมูปิ้ง อยู่ติดกับเจ๊ขายน้ำเต้าหู้อีกราย แล้วปากซอยบ้านฉัน ก็มีร้านขายผักสด และไข่ไก่ ไข่เป็ดท้องนามาตั้งขาย ด้านขวาของปากซอย ก็เป้นพ่อค้าของแห้ง พวกพริก กะปิ น้ำปลา จริง ๆ แล้วมีหลายร้าน ที่ขายของชำ แต่ร้านนี้ มีของมากกว่า เช่น ขมิ้นสด กระชาย หน่อไม้ดอง เป็นต้น

ฝั่งตรงกันข้ามปากซอยนี้ ก็เป็นเจ๊อ้วนขายหมูเจ้าประจำ เวลาผ่านหน้าร้าน แกชอบทักทายอารมณ์ดี
คราวหนึ่ง กำลังซื้อหมูอยู่ดี ๆ เธอเป็นลมหน้ามืด ฉันรีบวิ่งเข้าบ้าน ละลายยาลมไปให้ หล่อนเลยซาบซึ้งใจจนทุกวันนี้ ซื้อหมูทีไร ได้แถมทุกที หล่อนเป็นคนอารมณดี และมีคารม วันไหนใส่ทองเส้นใหญ่
ใครเย้า หล่อนก็จะตอบว่า " แหม รวยของพี่ ยังไม่เท่าหนี้ของน้องเลยจ้ะ " แล้วก็หัวเราะเอิ๊ก ๆ

 ร้านขายไก่ก็ติดอยู่กับร้านหมู แล้วก็ร้านผัก และผักอีกถัดไป อ้อ ร้านข้าวมันไก่ อยู่หัวมุมซอย ยังมีอีกมากมาย ที่ยังไม่กล่าวถึง

ฉันมานั่งอยู่ที่ร้านอาซิ้ม สั่งกาแฟ กับไข่ลวก แม่ค้าแถวบ้าน ที่คุ้นเคย และเป็นกันเอง บรรยากาศยามเช้า วันที่สดชื่น เริ่มต้นพร้อม ๆ กับการทำมาหากิน ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายอาหาร จากจุดเริ่มต้นที่กลางซอยในหมู่บ้าน ยาวไปจนถึงท้ายซอย มีร้านรวงที่ตั้งขึ้นนับร้อยร้าน มีอาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป มากมาย พระเริ่มออกบิณฑบาตร ผู้คนเดินขวักไขว่

พอสักสิบโมง ตลาดเช้า ก็จะเริ่มวาย แม่ค้าก็กวาดเก็บของ ๆ ตน ทำความสะอาด เรียบร้อย ถนนก็จะเงียบสงบ ภาพยามเช้าก็จะหายไป แสงแดดทำให้พื้นที่สองข้างทาง แห้ง และสะอากตา

แม่ค้าแถวบ้าน กับคนคุ้นเคย กิจวัตรประจำวัน ที่มีให้เราเห็น และสัมผัสบรรยากาศตลาด ได้ทุก ๆ เช้า รู้สึกดีจัง เช้านี้ ฉันดื่มกาแฟ และตบท้ายด้วยชาร้อน

"ซิ้ม เก็บเงินค่ะ... เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน"

จบ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น