วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฝนตกคืนนี้

เป็นอีกค่ำที่ฟ้าฉ่ำเม็ดฝน
ทมึนบนเมฆเคลื่อนเกลื่อนฟ้ากล่ำ
ปฐพีคลุมรอบครอบม่านดำ
หรีดหริ่งพรำระบำร้องระงมไพร




ทิวเทือกเขาเงาตะหง่านอยู่ด้านโน้น
ที่ตาดโตนโตรกตรงน้ำตกไหล
เสียงสาดซัดเซาะซอนอยู่ไม่ไกล
ดอกไม้ไพรกำจายกรุ่นละมุนทรวง



คืนนี้ไร้เงาจันทร์แจ่มกระจ่าง
เลือนลางจางแสงที่แดนสรวง
คล้ายน้ำตาปริ่มล้นมาท้นทรวง
หรือแค่ลวงหลอกเล่นเป็นบางครา




เมื่อตอนหัวค่ำ ท้องฟ้ายังใสกระจ่างอยู่เลยนี่นะ กลางป่าทึบเนี่ย มีแต่เสียงหรีดหริ่งดังระงม บางทีก็เสียงดังกราว ๆ น้ำไหลอยู่ริมเต๊นท์ ที่เราตั้งไว้ อืม ..ไม่มีไฟฟ้าในป่านี้ หากแต่แสงตะเกียง ที่เราเตรียมมา และ ไฟในเตาที่เราก่อ คงโชนแสงในค่ำคืนนี้ แต่แสงจันทร์ข้างขึ้น ก็งามหยอกใคร ส่องแสงให้เราหลงใหล ลอดไล้แนวไม้ลงมาทั่วบริเวณ ทำให้เราเห็นชัดแม้ตัวหนังสือ คล้ายแสงเทียนจาง ๆ เย็นตา แต่ก็อดเปล่าเปลี่ยวไม่ได้ เป้นบางครา เพราะรอบกายไม่มีใครนอกจากเรา

เราชงเครื่องดื่มอุ่น ๆ มาล้อมวง และหยิบยื่นให้ผู้มาเยือน คือลุง และป้า แก่ ๆ ที่รับอาสาเป็นคนเฝ้าป่า กินเงินเดือนลูกจ้างชั่วคราวของกรมป่าไม้ แกเห็นเรามาเดี่ยว เลยมาทักทาย และอยู่คุย เป็นเพื่อน  จนเครื่องดื่มหมดถ้วยนั่นแหละ แกก็ลากลับ ไม่ลืมกำชับว่า ให้ติดไฟในเตาไว้ตลอด เผื่อมีสัตว์ใหญ่ แวะเวียนมา ..อึ๋ยยย...ไม่ต้องมาก็ได้นะ เราคิด ...


ในที่สุด เราก็หลับไปในอ้อมกอดของป่าใหญ่ และขุนเขาทมึน มันอบอุ่นปนอ้างว้างลึก ๆ ไม่รู้สิ แต่ก็ยังปลอดภัย ในเงื้อมมือเจ้าป่าเจ้าเขา เรารู้สึกอย่างนั้น หากแต่มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็กลางดึกแล้ว เสียงฟ้าคำราม และฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ไกล ๆ นี่มันอะไรกันนะ เมืื่่อคืนฟ้ายังแจ่มอวดดาวอยู่เลย ไฉนเปลี่ยนไปเร็วนัก 


เราออกมานอกเต๊นท์ เติมฟืนในเตา และหาผ้าพลาสติกมาปิด เครื่องครัวที่กองไว้ด้านนอก ...
ไม่อาจข่มตาหลับลงได้อีก...


ไม่นาน ฟ้าเกือบสาง..เราเห็นแถบสว่างไกล ๆ เวลาบอกว่าตีห้ากว่า เราออกมายืดเส้นยืดสาย และ ติดไฟตั้งกาน้ำ ...ทำอาหารง่าย ๆ ข้าวต้ม ไข่เจียว ไส้กรอก และผัดผัก มันก็ไม่ง่ายหรอกนะ แต่เราชอบ และ ความเคยชิน ไม่นานก็เสร็จ ฟ้ายังไม่สางเลย แต่ฝนทำท่าจะตกมากเสียด้วยสิ


รีบ ๆ ทานอาหาร ใช้เวลาไม่นานนัก หกโมงกว่า ไม่ได้การและ รีบ ๆ ดีกว่า เก็บของแบบ แทบวิ่งแข่งกับเวลาเลยแหละ ก็ไม่ทันอยู่ดี เปียกซ่กเลย โยน ทุกสิ่งอย่างเข้ารถก่อน เจ็ดโมงกว่า ฝนถึงหยุด กว่าจะได้อาบน้ำเปลี่ยนชุด ก็เกือบ แปดโมง ตัวชื้นไปหมด...


โบกมือลาลุงป้า พร้อมกับมอบบะหมี่ซองที่มีอยู่ ยกให้แกหมด เพราะแกคงอยู่ตรงนี้อีกนาน ไม่ค่อยมีใครมาค้างซักเท่าไร น้ำนั้นมี แต่ไม่มีไฟฟ้า คงเหงาอีกนาน แกบอกว่าเคยติดอยู่ตรงนี้กว่าครึ่งเดือน ตอนน้ำท่วมใหญ่ปีก่อน ไม่มีแม้ข้าวจะกิน ไม่มีใครเข้ามาได้ ก็หวังใจว่า ปีนี้น้ำจะไม่ท่วม เพราะไม่ต้องการให้บะหมี่ของเราเป็นอาหารจานสุดท้ายในป่าลึกคราน้ำหลาก ของลุงและป้า หรอก อยากให้แค่แกกิน และคิดถึงเราผู้มาเยือนคืนหนึ่งในหน้าฝน นี้เท่านั้นแหละ
ลาก่อนค่ะ ป่างาม และลุงป้าใจดี 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น