วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ประสาทเมืองสิงห์

อืม.. ประสาทเมืองสิงห์ ใช่ และเราก็มาเดินอยู่ในบริเวณอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นโบราณสถาน ชื่อว่าปราสาทเมืองสิงห์ อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่ใหญ่โต และยังคงแสดงถึงความยิ่งใหญ่ ยุคพันกว่าปีมาแล้ว...เหมือนเรากลับไปอยู่ยุคนั้น......


ณ สถานที่แห่งนี้มีมนต์ขลัง
มีพลังงดงามตามสถาน
เราก้าวมาหยุดลงตรงหน้าลาน
เขตสถานตระหง่านสูงสลดลง




                อิฐแดงก่ำกำแพงรอบเป็นขอบขันธ์
                ก่อกอรปกันกั้นห้องเป็นช่องโล่ง
                ที่ตรงกลางกว้างเห็นเป็นท้องพระโรง
                ประตูโค้งตรงแนวกลางระหว่างเดิน




                             ล่วงเข้ามาห้องฐานด้านในสุด
                             คล้ายพระพุทธประดิษฐานไม่ขัดเขิน
                             เรียงรายรอบกอบกองก่ายได้เผชิญ
                             บ้างส่วนเกินส่วนขาดอุจาดจอม


              
                                                   ยังองค์งามตามสถาปัตยกรรม
                                                   ความคลาคล่ำเกิดในสมัยขอม
                                                   กระพังโอบร่มเย็นมีเห็นพร้อม
                                                   รอบรายล้อมฐานชุกชีมีช่องเชิง




กำแพงสูงโอบล้อมเขื่อนเขตขัณฑ์
อัศจรรย์พลันเด่นเห็นจะเพิ่ง
สัณนิษฐานว่าเมื่อครั้งเคยดำเกิง
เจ้าเมืองขอมเถลิงราชสถาพร




                             หอมระรินกลิ่นดอกปีบที่รายรอบ
                             ละลานขาวตามขอบรอบสลอน
                             กอบกำหนึ่งยอบกายถวายพร
                             สยบซ่อนซ่านปิติประจักษ์จง


                                          ข้าฯ ขออนุญาตมาชมเยี่ยม
                                          ได้เต็มเปี่ยมอิ่มความงามตามประสงค์
                                           สถาปัตยกรรมน้ำงามยังดำรง
                                          ศักดิ์สิทธิ์คงรับรู้ระลึดญาณ




ฉับพลันลมม้วนหวิวพริ้วเหนือเศียร
เป็นวงเวียนหมุนตลอดรอบสถาน
น้องระลึกรับรู้วิญญูญาณ
สืบสะท้านขานรับแผ่วแนวเวลา




                     ณ มุมหนึ่งจากลานลั่นทม
                     มีชื่นชมขมขื่นสะอื้นหา
                     หรือจะเป็นเพราะกายได้กลับมา
                     ซับคุณค่าครั้งเก่าเมื่อเนานาน




                               เราจากลาอลังการณ์สถานที่
                               นับจากนี้คงซากปรักอัครฐาน
                               ละอดีตอันรุ่งเรืองเรื่องวันวาน
                               คงสถาน"เมืองสิงห์" ไว้ในนิรันดร์.


เรามาหยุดยืนในห้องประทับในสุด คงเป็นห้องที่ประทับของกษัตริย์ หรือเจ้าเมืององค์ใดองค์หนึ่ง ที่มีความสำคัญ มาก ๆ
ตรงนี้ไม่มีใครเข้ามา นอกจากเรา ยืนนิ่งอยู่ โครงสร้างศิลาแลงที่ไร้หลังคา ยังดูยิ่งใหญ่ และมีมนต์ขลัง บัดเดี๋ยวนั้น ลมพัดหมุนวนลงตรงหน้า วูบหนึ่งรู้สึกว่า มีสัมผัสแผ่วเบาที่แขน เราสบัดหน้าเงยขึ้น เห็นกิ่งปีบด้านบนพริ้วไหว ลมวนลงตรงหน้า
พาดอกปีบกระจาย กลิ่นหอมจาง ๆ แปลกไปจากกลิ่นดอกปีบ
ลอยมา เอ๊ะ เราได้กลิ่นนี้จริง ๆ ใช่ เราไม่ได้อยู่คนเดียวในที่นี้นี่
ยังมีใครอีกคน ที่ยืนเยื้องเราออกไปทางด้านหลัง หันไปดู ผู้หญิงสาว นุ่งผ้าซิ่นกรอมเท้า สีไข่ไก่ เอ๊ะ รึสีงาช้างนะ เสื้อคอกลมเรียบ ๆ สีเดียวกัน แต่เดินขอบสีทองลายเรียบ สวยมากเลย ผมเกล้าเรียบเป็นมวยด้านหลังนั้น ทำให้ใบหน้านวลนั้นกลม และผ่องยิ่งขึ้น เอ๊ะ เธอมาตั้งแต่เมื่อไรนะ ไม่ทันสังเกตุ แต่ไม่เป็นไรนี่ เราก็มีเพื่อนละ เธอหันมามองเรา และก็ยิ้มให้ด้วย
"ลมแรงนะคะ "เรากล่าว เหมือนชวนคุยกลาย ๆ ....เธอพยักหน้า


ยังมีต่อ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น